ข่าวสาร & กิจกรรม

PSTC Leader in Power Supply Solution
and Renewable Energy

PSTCฮุบพลังงานเฉียด50MWรายได้ก้าวกระโดดทะลุพันล้าน

 

PSTC แย้มแผนเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน กำลังผลิตรวม 46.8 MW คาดสรุปดีลปีนี้ เชื่อเงินลงทุนโครงการใหม่เพียงพอ โชว์เงินในกระเป๋าเพียบ 2 พันล้านบาท ฟากผู้บริหารยันผลงานปีนี้พลิกฟื้น แถมรายได้โตก้าวกระโดด ทะลุพันล้านบาท รับทรัพย์ขายไฟฟ้าอื้อซ่า ด้านโบรกมองพื้นฐานแกร่ง ส่องอนาคตไกล 1.23 บาท นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ผู้ออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า และตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อม รวมถึงผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกที่ครอบคลุม ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ พลังงานชีวมวล พลังงานลมและพลังงานขยะ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าลงทุนควบรวมกิจการ (M&A) กับพันธมิตรหรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน 2 ราย กำลังการผลิตรวม 46.8 เมกะวัตต์ สำหรับวิธีการเข้าลงทุน มีโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปถือหุ้น หรือบริหารโรงไฟฟ้าร่วมกับพันธมิตร โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว คาดจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เข้าลงทุนโครงการใหม่ นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าประเภทขยะอุตสาหกรรม ซึ่งพันธมิตรมีใบอนุญาตในการก่อสร้างและขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา คาดจะสรุปดีลเร็วๆ นี้ สำหรับเงินลงทุนในโครงการทั้งหมด บริษัทคาดจะไม่มีการปัญหา เนื่องจากในปี 2559 บริษัทได้ขออนุมัติคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) และผู้ถือหุ้น เพื่อออกหุ้นกู้ (Bonds) จำนวน 1,500 ล้านบาท และตั๋วสัญญากู้เงินระยะสั้น (B/E) 500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท คาดจะเพียงพอต่อการลงทุนในทุกโครงการ และไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแน่นอน
ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 2560 บริษัทมั่นใจผลประกอบการจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ หรือพลิกมีกำไร และเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งกำไร รายได้จากสิ้นปี 2559 บริษัทมีรายได้ 622.11 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 38.55 ล้านบาท อีกทั้งคาดรายได้จะมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากจำนวนเมกะวัตต์การขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นเป็น 30 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 2559 โดยจะรับรู้รายได้จากการขายไฟในปีนี้เต็มปี เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ 4 เมกะวัตต์ และคาดสัดส่วนรายได้จากการขายไฟจะเป็น 60-70% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมารายได้จากการขายไฟอยู่ที่ 20% อย่างไรก็ดีบริษัทคาดรายได้การขายไฟในปีนี้จะเติบโตเป็น 100% จากปีที่ผ่านมา ส่วนในปี 2561 และ 2562 บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้ที่ 1,300 ล้านบาท และ 1,500 ล้านบาทตามลำดับ                                                                                                                                                                                                                                                                     ตุนแบ็กล็อก 300 ล.                                                                                                                                                                                             ส่วนธุรกิจเดิมหรือธุรกิจออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้มากกว่า 300 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในปีนี้เกือบทั้งหมด สำหรับงานดังกล่าวเป็นงานออกแบบและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าให้กับหน่วยงานราชการเป็นหลัก ขณะเดียวกันบริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2560 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2560 ที่มีรายได้ 215.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 12.29 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวจะมาจากรับรู้รายได้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ราชการ 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการสหกรณ์ประมงแม่กลอง ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และโครงการสหกรณ์การเกษตรเมืองสระแก้ว ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มไตรมาส รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 3 แห่ง จาก 7 แห่ง กำลังการผลิตแห่งละ 1 เมกะวัตต์ โดยบริษัทจะทยอยก่อสร้างให้เสร็จตามใบอนุญาตที่ได้รับมา โดย 3 โครงการแรกคาดจะ COD ได้ประมาณครึ่งปีหลังของปี 2561 ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชีวภาพ บริษัทมีใบอนุญาตก่อสร้างและขายไฟฟ้าอยู่ที่ 16 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน COD แล้ว 6 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง 5.6 เมกะวัตต์ คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จและ COD ได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้ ส่วนที่เหลือคาดจะทยอยก่อสร้างและ COD ในปีถัดไป

เป้าหมาย 1.23 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ"มองว่าการเริ่มขายไฟของโครงการในมือจะสร้างฐานกำไรที่แข็งแกร่งนับว่าเป็นช่วงที่ดีสำหรับการเข้าลงทุน ซึ่งบริษัทมีแผนทยอยขายไฟโครงการในมือให้ครบภายในปี 2560-2563 และยังไม่รวมกับโอกาสคว้าโครงการเพิ่มเติมปีนี้ ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องราว 5 โครงการ (25 MW) สำหรับโครงการโซลาร์สหกรณ์-ราชการ 219 MW ที่จะรู้ผลในช่วงมิถุนายน 2560 นี้จะเป็น Upside ในอนาคต ประเมินราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 1.23 บาทต่อหุ้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น ฉบับวันอังคาร ที่ 30 พฤษภาคม 2560